รู้หรือไม่? นักเทรดมืออาชีพให้ความสำคัญกับ “การบริหารเงิน” มากกว่ากลยุทธ์
หลายคนคิดว่า “ต้องหาสูตรเทรดแม่นๆ ก่อน”
แต่จริงๆ แล้ว 80% ของความอยู่รอดในตลาด Forex มาจาก การจัดการเงินทุน (Money Management)
📌 “ระบบดีแค่ไหนก็แพ้ ถ้าคุณบริหารเงินไม่เป็น”
💡 Money Management คืออะไร?
คือการวางแผนการใช้เงินในการเทรด
เพื่อควบคุมความเสี่ยง และทำให้พอร์ตเติบโตอย่างยั่งยืน
หัวใจหลักของ Money Management คือ:
- เสี่ยงเท่าไหร่ต่อครั้ง (Risk per Trade)
- ควรใช้ Lot ขนาดไหน
- จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ตั้งยังไง
- ควรเทรดกี่ครั้งต่อวัน
✅ 5 เทคนิคบริหารเงินสำหรับนักเทรดมือใหม่
1. เสี่ยงไม่เกิน 1–2% ของพอร์ตต่อออร์เดอร์
ถ้าคุณมีทุน $1,000
→ ควรเสี่ยงไม่เกิน $10–20 ต่อออร์เดอร์
เท่ากับว่าถ้าแพ้ 10 ครั้งติด พอร์ตยังเหลือกว่า 80%
2. คำนวณขนาด Lot ให้เหมาะสมกับพอร์ต
ขนาด Lot มีผลต่อความผันผวนของกำไร/ขาดทุน
มือใหม่ควรใช้สูตร:
Lot = (จำนวนเงินที่ต้องการเสี่ยง) ÷ (Stop Loss เป็น pip × ค่า pip ต่อ 1 lot)
เช่น ต้องการเสี่ยง $10, Stop Loss = 50 pips
→ ใช้ Lot = 0.02 (โดยประมาณ)
3. ใช้ Stop Loss ทุกครั้ง
Stop Loss คือประกันชีวิตของเทรดเดอร์
ไม่มีใครเทรดถูก 100% ดังนั้นทุกออร์เดอร์ควรมีจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน
⛔ อย่าขยับ SL หรือปล่อยลบยาวๆ โดยไม่วางแผน
4. อย่าพยายาม “แก้มือ” หลังขาดทุน
หลายคนพลาด เพราะอยากคืนทุนเร็ว
→ เพิ่ม Lot / เทรดซ้ำจุดเดิม → ขาดทุนหนักกว่าเดิม
วินัยทางจิตใจคือส่วนหนึ่งของการบริหารเงิน
5. คิดเป็น “ภาพรวม” ไม่ใช่แค่ออร์เดอร์เดียว
การเทรดคือเกมระยะยาว
เป้าหมายคือ:
“เทรด 100 ครั้ง ให้ชนะมากกว่าที่แพ้ และแพ้ให้เล็ก”
แม้กลยุทธ์มี Winrate 50%
แต่ถ้าทำให้ Reward > Risk ก็ยังมีกำไรได้
📊 ตัวอย่างการบริหารความเสี่ยงแบบมืออาชีพ
รายการ | ค่าเฉลี่ย |
---|---|
ทุนเริ่มต้น | $1,000 |
เสี่ยงต่อออร์เดอร์ | 1% ($10) |
Stop Loss | 50 pips |
Lot size | 0.02 |
เป้าหมายกำไรต่อวัน | 2–3% (ไม่เกิน $30) |
💬 คำแนะนำเพิ่มเติม
- ใช้ Excel หรือแอปจดบันทึกการเทรด
- วางแผนทุกออร์เดอร์ล่วงหน้า
- ถ้าเสียต่อเนื่อง 3 ครั้ง — หยุดเทรด 1 วัน
สรุป
เทคนิคการบริหารเงินไม่ใช่แค่ “เรื่องตัวเลข”
แต่คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณ รอด และ เติบโต
“ตลาดให้โอกาสทุกวัน แต่คุณต้องอยู่รอดให้ได้ก่อน”